โครงสร้างของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ
คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบนี้พบใช้กันมากที่สุดในงานเครื่องทำความเย็น มีตั้งแต่ขนาดเล็กๆ ประมาณ 1/20 แรงม้า จนถึงเครื่องทำความเย็นขนาด 50-60 ตันขึ้นไป โครงสร้างของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ ประกอบด้วย
- กระบอกสูบ
- เพลาข้อเหวี่ยง
- ลูกสูบ
- ก้านสูบ
- ฝาสูบ
- วาล์วทางดูดและทางอัด
- วาล์วบริการ
- ซีลแกนเพลา
- ปะเก็น
- น้ำมันหล่อลื่น
คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบนี้ เป็นแบบที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง การถอดซ่อมคอมเพรสเซอร์สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการถอดซ่อมเครื่องยนต์ กระบอกสูบและฝาสูบจะทำด้วยเหล็กเนื้อแข็งอย่างดี และลูกสูบก็ทำจากเหล็กเนื้อแข็งอย่างดีเช่นเดียวกัน สำหรับชิ้นส่วนประกอบบางอย่างอาจใช้อะลูมิเนียม อย่างไรก็ตามการนำไปใช้งานจะต้องระมัดระวังว่าอะลูมิเนียมอาจทำปฏิกิริยากับน้ำยาทำความเย็นบางชนิด ส่วนก้านสูบและเพลาข้อเหวี่ยงมักจะทำจากเหล็กหล่อแม้ว่าบางส่วนจะทำจากเหล็กเนื้อแข็งอย่างดี
กระบอกสูบ กระบอกสูบคอมเพรสเซอร์โดยทั่วไปจะทำจากเหล็กหล่อเนื้อดี และเหล็กหล่อนี้จะต้องมีความหนาแน่นพอจะป้องกันการรั่วซึมของน้ำยาเครื่องทำความเย็นได้ ดังนั้นจึงมีการผสมนิกเกิลเข้าไปเพื่อให้เป็นเหล็กหล่อที่มีความหนาแน่นตามต้องการ คอมเพรสเซอร์ขนาดเล็กมักจะทำครีบรอบกระบอกสูบ เพื่อช่วยในการระบายความร้อน ส่วนของคอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่ๆ มักจะมีเสื้อสูบให้น้ำเข้าไปหล่อเย็นโดยรอบกระบอกสูบด้วย
ส่วนมากแล้วมักจะหล่อห้องเพลาข้อเหวี่ยง (Crankcase) เข้าเป็นเนื้อเดียวกับกระบอกสูบ เพื่อลดจำนวนชิ้นส่วนประกอบให้น้อยลงเป็นการป้องกันการรั่วภายในกระบอกสูบซึ่งลูกสูบเคลื่อนที่อยู่ จะต้องทำด้วยความประณีตมีผิวเรียบมันฟิตพอดีกับลูกสูบ ดังนั้นจึงมีบริษัทผู้ผลิตบางแห่งใช้การขัดมันกระบอกสูบด้วยตัวเองโดยลูกสูบ ด้วยการประกอบกระบอกสูบและลูกสูบเข้าเป็นชุด
ลูกสูบ ลูกสูบโดยทั่วไปทำจากเหล็กหล่อเนื้อดี และพื้นผิวนอกของลูกสูบขัดมันด้วยความประณีต เพื่อให้มีความฟิตพอดีกับกระบอกสูบ ตัวลูกสูบจะมีรูสำหรับสลักยึดให้ก้านสูบติดกับลูกสูบ
ลูกสูบขนาดเล็กมักจะมีร่องน้ำมันโดยรอบลูกสูบทำหน้าที่เช่นเดียวกับแหวนลูกสูบ ในขณะที่ลูกสูบขนาดใหญ่(เกินกว่า 1.5 นิ้ว) จะมีแหวนลูกสูบอยู่ด้วย
แหวนลูกสูบโดยปกติทำจากเหล็กหล่อ บางครั้งพบว่าทำจากบรอนซ์ แหวนลูกสูบจะต้องติดอยู่ในตำแหน่งใกล้ร่องน้ำมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สลักลูกสูบที่ยึดก้านสูบให้ติดกับลูกสูบจะทำจากเหล็กแข็งผสมคาร์บอน และเมื่อยึดด้วยสลักนี้แล้ว ลูกสูบยังสามารถหมุนได้โดยอิสระกับตัวก้านสูบ เพื่อให้ลูกสูบสามารถเคลื่อนตัวขึ้นลงดูดอัดน้ำยาในกระบอกสูบได้
ก้านสูบ ก้านสูบทำหน้าที่ต่อเชื่อมระหว่างลูกสูบกับเพลาข้อเหวี่ยง ก้านสูบนี้บางครั้งทำจากเหล็กหล่อธรรมดา บางครั้งทำจากเหล็กหล่อเนื้อดี ก้านสูบส่วนที่ยึดครอบเพลาข้อเหวี่ยงจะแยกออกเป็นส่วนบนและส่วนล่าง และมีสกรูยึดเพื่อให้ก้านสูบยึดครอบเพลาข้อเหวี่ยงซึ่งจะต้องให้ฟิตพอดี มีช่องว่างระหว่างก้านสูบกับเพลาข้อเหวี่ยงประมาณ 0.001 นิ้ว
ลิ้น ลิ้นคอมเพรสเซอร์ประกอบด้วย วาล์วเพลต ลิ้นทางดูดและลิ้นทางอัด โดยทั่วไปลิ้นคอมเพรสเซอร์ทำจากเหล็กแผ่นบางซึ่งมีผิวเรียบมัน และยึดติดอยู่กับวาล์วเพลต
ตัววาล์วเพลตจะทำจากเหล็กหล่อชนิดแข็งอย่างดี ผิวหน้าเรียบมัน ลิ้นทางดูดจะยึดติดกับวาล์วเพลตด้วยสลักเล็กๆ และฝาสูบคอมเพรสเซอร์ ส่วนลิ้นทางอัดจะยึดติดกับวาล์วเพลตด้วยสกรูตัวเล็กๆ มีเหล็กประกบและสปริงคอยดันให้ลิ้นปิดอยู่ตลอดเวลา ลิ้นเมื่อถูกประกอบเข้ากับวาล์วเพลตแล้วจะต้องเรียบเกือบเป็นผิวเดียวกัน ยอมให้มีความแตกต่างเพียง 0.0001-0.0002 นิ้วเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นรั่ว ในทางปฎิบัติหากมีการรั่วที่วาล์วเพลตแล้ว จะไม่มีการซ่อมแผ่นวาล์วเพลต แต่จะต้องเปลี่ยนวาล์วเพลตใหม่เสมอ ส่วนลิ้นคอมเพรสเซอร์นั้นหากมีเขม่าจับทำให้แรงอัดของคอมเพรสเซอร์ลดน้อยลงแล้ว ก็สามารถถอดเอาลิ้นออกมาบดใหม่ได้ด้วยมือบนแผ่นกระจกเรียบ แต่การปรับตั้งลิ้นใหม่จะต้องกระทำด้วยความประณีตและความชำนาญสูงเพื่อให้ลิ้นขณะทำงานเปิดประมาณ 0.010 นิ้ว ซึ่งถ้าลิ้นเปิดมากกว่านี้ก็จะเกิดอาการเสียงดังที่ลิ้น และถ้าเปิดน้อยกว่านี้น้ำยาในสถานะแก๊สจะถูกดูดอัดผ่านได้น้อยเกินไป
ซีลแกนเพลา เครื่องทำความเย็นที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์แบบแยกส่วน (open type) ตัวคอมเพรสเซอร์จะมีแกนเพลายื่นออกมาจากห้องเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งจุดนี้ต้องมีซีลแกนเพลาสำหรับป้องกันการรั่วของน้ำยาในระบบ และเนื่องจากแกนเพลาจะต้องหมุนอยู่ตลอดเวลาที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน ดังนั้น การออกแบบซีลแกนเพลาจึงต้องให้กันการรั่วของน้ำยาในระบบได้ในขณะที่แกนเพลาหมุนอยู่ด้วย และต้องกันการรั่วได้ทั้งในขณะที่ความดันของน้ำยาในห้องเพลาข้อเหวี่ยงต่ำกว่าความดันบรรยากาศ และขณะที่ความดันของน้ำยาสูงขึ้นเท่าความดันด้านสูงของน้ำยาในระบบ
หน้าสัมผัสของซีลแกนเพลา มักทำจากคาร์บอนแข็ง ผิวหน้าต้องเรียบมัน เมื่อประกบกันแล้วต้องแนบกันอย่างสนิทสามารถกันการรั่วได้ทั้งในขณะที่หยุดนิ่ง และในขณะที่หมุน
ซีลแกนเพลาของคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศรถยนต์ บางครั้งพบว่าทำจากยางสังเคราะห์ประเภทยางเทียมชนิดทนน้ำมัน หรือสารทนความร้อนประเภทเทฟลอน เพราะคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศรถยนต์จะต้องทำงานในตำแหน่งที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติ เนื่องจากความร้อนของเครื่องยนต์
ปะเก็น ในการถอดซ่อมคอมเพรสเซอร์ ส่วนต่อภายในของคอมเพรสเซอร์ มักจะต้องมีซีลกันรั่ว ซึ่งปะเก็นคอมเพรสเซอร์จะเป็นตัวทำหน้าที่กันรั่วนี้ ดังนั้นปะเก็นจึงต้องทำจากวัสดุที่ไม่เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับน้ำมันคอมเพรสเซอร์ หรือน้ำยาที่ใช้ในเครื่องทำความเย็น และจะต้องไม่ยืดหดตัวมากเมื่อมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องมีอัตราการขยายตัวใกล้เคียงกับชิ้นส่วนอุปกรณ์ของคอมเพรสเซอร์
ปะเก็นที่พบใช้มักทำจากไม้กอร์ก(Cork) ส่วนประกอบของกระดาษ แอสเบสตอส ยาง หรือ อะลูมินัม ปะเก็นกระดาษเป็นชนิดที่พบใช้กันมากที่สุด ปะเก็นอลูมินัมบางครั้งไม่สามารถใช้กับระบบเครื่องทำความเย็น ซึ่งใช้น้ำยา ซึ่งใช้น้ำยาที่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับอะลูมิเนียม ปะเก็นที่ใช้ระหว่างกระบอกสูบและวาล์วเพลตเป็นปะเก็นที่สำคัญมากที่สุด ซึ่งจะต้องใช้ปะเก็นที่มีขนาดความหนาเท่าเดิม ถ้าปะเก็นหนาเกินไปช่องว่างเหนือกระบอกสูบจะมากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพเชิงปริมาตรของกระบอกสูบลดลง และถ้าเก็นบางเกินไปก็อาจทำให้ลูกสูบกระแทกกับวาล์วเพลตได้
ดังนั้นในการเปลี่ยนปะเก็น ทางที่ดีแล้วควรเปลี่ยนปะเก็นที่มีขนาดความหนาเท่าเดิมและเป็นปะเก็นที่ผลิตจากบริษัทผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์นั้น และการเปลี่ยนประเก็นจะต้องแน่ใจว่าได้ปรับแต่งผิวหน้าทั้งสองของโลหะส่วนประกอบคอมเพรสเซอร์ให้เรียบสนิท ไม่มีรอยแตกชำรุดเหลืออยู่ มิฉะนั้นแล้วปะเก็นจะไม่สามารถทำหน้าที่ซีลกันรั่วได้
น้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ น้ำมันคอมเพรสเซอร์ใช้สำหรับหล่อลื่นส่วนที่เคลื่อนไหวต่างๆของคอมเพรสเซอร์ น้ำมันนี้จะถูกดูด อัด ปนกับน้ำยาเข้าไปในท่อทางเดินของน้ำยาของระบบบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำยาทำความเย็น น้ำมันที่ใช้ในการหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์นี้ต้องมีค่าความหนืด (Viscosity) ตามที่บริษัทผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์กำหนด ถ้ามีการเติมหรือถ่ายเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ ให้พึงระวังไว้ว่าการใช้น้ำมันผิดชนิดและการเติมน้ำมันมากหรือน้อยเกินไป นอกจากจะทำให้ลดประสิทธิภาพในการทำความเย็นแล้ว ยังอาจทำให้คอมเพรสเซอร์เกิดชำรุดเสียหายได้
มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ต้นกำลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์เพื่อให้เกิดการดูดและอัดน้ำยาในสถานะแก๊สดังได้กล่าวมาแล้วนั้น ส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อน จะมีอยู่บ้างที่ใช้เครื่องยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน เช่น เครื่องปรับอากาศรถยนต์ เครื่องปรับอากาศรถยนต์โดยสาร เป็นต้น คอมเพรสเซอร์ที่ใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อน บางทีเรียกรวมกันว่า มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ซึ่งจะแบบ่งตามลักษณะโครงสร้างภายนอก ได้เป็น 3 แบบ คือ
- มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบเฮอร์เมติก (Hermatic motor compressor) เป็นแบบที่มีมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์บรรจุภายในตัวเรือน ( Housing ) ที่เชื่อมปิดมิดชิด ตัวมอเตอร์จะประกอบด้วยสเตเตอร์และโรเตอร์ แกนขอโรเตอร์จะต่อเข้ากับเครื่องคอมเพรสเซอร์โดนตรง ในส่วนของคอมเพรสเซอร์อาจจะเป็นแบบลูกสูบหรือแบบโรตารีก็ได้ การซ่อมมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบนี้จะต้องผ่าเปิดตัวเรือนตรงแนวเดิมที่เชื่อมปิดไว้
- มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบกึ่งเฮอร์เมติก (Semi-Hermatic motor compressor) เป็นแบบที่เมื่อติดอยู่ในระบบมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์จะบรรจุอยู่ภายในตัวเรือนเดียวกัน เช่นเดียวกับแบบเฮอร์เมติก ต่างกันเพียงแต่ในการถอดซ่อมไม่ต้องผ่าเปิดตัวเรือน ถ้าเป็นการชำรุดทางส่วนของคอมเพรสเซอร์ก็สามารถคลายนอตเปิดฝาครอบหัวสูบออกซ่อมได้ และถ้าเป็นการชำรุดทางส่วนของมอเตอร์ก็สามารถคลายนอตเปิดฝาครอบท้ายเพื่อถอดเอามอเตอร์ออกมาซ่อมได้ การปิดก็เพียงแต่เปลี่ยนปะเก็นใหม่ และขันนอตกลับให้แน่นตามเดิม
- มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบแยกส่วน ( Open motor compressor ) เป็นแบบที่คอมเพรสเซอร์และมอเตอร์แยกออกจากกันโดยเด็ดขาด ในส่วนของคอมเพรสเซอร์จะมีแกนเพลายื่นออกมาการขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์ด้วยมอเตอร์จะใช้สายพานเป็นตัวฉุด การซ่อมมอเตอร์หรือคอมเพรสเซอร์สามารถแยกกันซ่อมโดยอิสระ ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดของคอมเพรสเซอร์แบบนี้ก็คือคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศรถยนต์
- กระบอกสูบ
- เพลาข้อเหวี่ยง
- ลูกสูบ
- ก้านสูบ
- ฝาสูบ
- วาล์วทางดูดและทางอัด
- วาล์วบริการ
- ซีลแกนเพลา
- ปะเก็น
- น้ำมันหล่อลื่น
คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบนี้ เป็นแบบที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง การถอดซ่อมคอมเพรสเซอร์สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการถอดซ่อมเครื่องยนต์ กระบอกสูบและฝาสูบจะทำด้วยเหล็กเนื้อแข็งอย่างดี และลูกสูบก็ทำจากเหล็กเนื้อแข็งอย่างดีเช่นเดียวกัน สำหรับชิ้นส่วนประกอบบางอย่างอาจใช้อะลูมิเนียม อย่างไรก็ตามการนำไปใช้งานจะต้องระมัดระวังว่าอะลูมิเนียมอาจทำปฏิกิริยากับน้ำยาทำความเย็นบางชนิด ส่วนก้านสูบและเพลาข้อเหวี่ยงมักจะทำจากเหล็กหล่อแม้ว่าบางส่วนจะทำจากเหล็กเนื้อแข็งอย่างดี
กระบอกสูบ กระบอกสูบคอมเพรสเซอร์โดยทั่วไปจะทำจากเหล็กหล่อเนื้อดี และเหล็กหล่อนี้จะต้องมีความหนาแน่นพอจะป้องกันการรั่วซึมของน้ำยาเครื่องทำความเย็นได้ ดังนั้นจึงมีการผสมนิกเกิลเข้าไปเพื่อให้เป็นเหล็กหล่อที่มีความหนาแน่นตามต้องการ คอมเพรสเซอร์ขนาดเล็กมักจะทำครีบรอบกระบอกสูบ เพื่อช่วยในการระบายความร้อน ส่วนของคอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่ๆ มักจะมีเสื้อสูบให้น้ำเข้าไปหล่อเย็นโดยรอบกระบอกสูบด้วย
ส่วนมากแล้วมักจะหล่อห้องเพลาข้อเหวี่ยง (Crankcase) เข้าเป็นเนื้อเดียวกับกระบอกสูบ เพื่อลดจำนวนชิ้นส่วนประกอบให้น้อยลงเป็นการป้องกันการรั่วภายในกระบอกสูบซึ่งลูกสูบเคลื่อนที่อยู่ จะต้องทำด้วยความประณีตมีผิวเรียบมันฟิตพอดีกับลูกสูบ ดังนั้นจึงมีบริษัทผู้ผลิตบางแห่งใช้การขัดมันกระบอกสูบด้วยตัวเองโดยลูกสูบ ด้วยการประกอบกระบอกสูบและลูกสูบเข้าเป็นชุด
ลูกสูบ ลูกสูบโดยทั่วไปทำจากเหล็กหล่อเนื้อดี และพื้นผิวนอกของลูกสูบขัดมันด้วยความประณีต เพื่อให้มีความฟิตพอดีกับกระบอกสูบ ตัวลูกสูบจะมีรูสำหรับสลักยึดให้ก้านสูบติดกับลูกสูบ
ลูกสูบขนาดเล็กมักจะมีร่องน้ำมันโดยรอบลูกสูบทำหน้าที่เช่นเดียวกับแหวนลูกสูบ ในขณะที่ลูกสูบขนาดใหญ่(เกินกว่า 1.5 นิ้ว) จะมีแหวนลูกสูบอยู่ด้วย
แหวนลูกสูบโดยปกติทำจากเหล็กหล่อ บางครั้งพบว่าทำจากบรอนซ์ แหวนลูกสูบจะต้องติดอยู่ในตำแหน่งใกล้ร่องน้ำมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สลักลูกสูบที่ยึดก้านสูบให้ติดกับลูกสูบจะทำจากเหล็กแข็งผสมคาร์บอน และเมื่อยึดด้วยสลักนี้แล้ว ลูกสูบยังสามารถหมุนได้โดยอิสระกับตัวก้านสูบ เพื่อให้ลูกสูบสามารถเคลื่อนตัวขึ้นลงดูดอัดน้ำยาในกระบอกสูบได้
ก้านสูบ ก้านสูบทำหน้าที่ต่อเชื่อมระหว่างลูกสูบกับเพลาข้อเหวี่ยง ก้านสูบนี้บางครั้งทำจากเหล็กหล่อธรรมดา บางครั้งทำจากเหล็กหล่อเนื้อดี ก้านสูบส่วนที่ยึดครอบเพลาข้อเหวี่ยงจะแยกออกเป็นส่วนบนและส่วนล่าง และมีสกรูยึดเพื่อให้ก้านสูบยึดครอบเพลาข้อเหวี่ยงซึ่งจะต้องให้ฟิตพอดี มีช่องว่างระหว่างก้านสูบกับเพลาข้อเหวี่ยงประมาณ 0.001 นิ้ว
ลิ้น ลิ้นคอมเพรสเซอร์ประกอบด้วย วาล์วเพลต ลิ้นทางดูดและลิ้นทางอัด โดยทั่วไปลิ้นคอมเพรสเซอร์ทำจากเหล็กแผ่นบางซึ่งมีผิวเรียบมัน และยึดติดอยู่กับวาล์วเพลต
ตัววาล์วเพลตจะทำจากเหล็กหล่อชนิดแข็งอย่างดี ผิวหน้าเรียบมัน ลิ้นทางดูดจะยึดติดกับวาล์วเพลตด้วยสลักเล็กๆ และฝาสูบคอมเพรสเซอร์ ส่วนลิ้นทางอัดจะยึดติดกับวาล์วเพลตด้วยสกรูตัวเล็กๆ มีเหล็กประกบและสปริงคอยดันให้ลิ้นปิดอยู่ตลอดเวลา ลิ้นเมื่อถูกประกอบเข้ากับวาล์วเพลตแล้วจะต้องเรียบเกือบเป็นผิวเดียวกัน ยอมให้มีความแตกต่างเพียง 0.0001-0.0002 นิ้วเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นรั่ว ในทางปฎิบัติหากมีการรั่วที่วาล์วเพลตแล้ว จะไม่มีการซ่อมแผ่นวาล์วเพลต แต่จะต้องเปลี่ยนวาล์วเพลตใหม่เสมอ ส่วนลิ้นคอมเพรสเซอร์นั้นหากมีเขม่าจับทำให้แรงอัดของคอมเพรสเซอร์ลดน้อยลงแล้ว ก็สามารถถอดเอาลิ้นออกมาบดใหม่ได้ด้วยมือบนแผ่นกระจกเรียบ แต่การปรับตั้งลิ้นใหม่จะต้องกระทำด้วยความประณีตและความชำนาญสูงเพื่อให้ลิ้นขณะทำงานเปิดประมาณ 0.010 นิ้ว ซึ่งถ้าลิ้นเปิดมากกว่านี้ก็จะเกิดอาการเสียงดังที่ลิ้น และถ้าเปิดน้อยกว่านี้น้ำยาในสถานะแก๊สจะถูกดูดอัดผ่านได้น้อยเกินไป
ซีลแกนเพลา เครื่องทำความเย็นที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์แบบแยกส่วน (open type) ตัวคอมเพรสเซอร์จะมีแกนเพลายื่นออกมาจากห้องเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งจุดนี้ต้องมีซีลแกนเพลาสำหรับป้องกันการรั่วของน้ำยาในระบบ และเนื่องจากแกนเพลาจะต้องหมุนอยู่ตลอดเวลาที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน ดังนั้น การออกแบบซีลแกนเพลาจึงต้องให้กันการรั่วของน้ำยาในระบบได้ในขณะที่แกนเพลาหมุนอยู่ด้วย และต้องกันการรั่วได้ทั้งในขณะที่ความดันของน้ำยาในห้องเพลาข้อเหวี่ยงต่ำกว่าความดันบรรยากาศ และขณะที่ความดันของน้ำยาสูงขึ้นเท่าความดันด้านสูงของน้ำยาในระบบ
หน้าสัมผัสของซีลแกนเพลา มักทำจากคาร์บอนแข็ง ผิวหน้าต้องเรียบมัน เมื่อประกบกันแล้วต้องแนบกันอย่างสนิทสามารถกันการรั่วได้ทั้งในขณะที่หยุดนิ่ง และในขณะที่หมุน
ซีลแกนเพลาของคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศรถยนต์ บางครั้งพบว่าทำจากยางสังเคราะห์ประเภทยางเทียมชนิดทนน้ำมัน หรือสารทนความร้อนประเภทเทฟลอน เพราะคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศรถยนต์จะต้องทำงานในตำแหน่งที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติ เนื่องจากความร้อนของเครื่องยนต์
ปะเก็น ในการถอดซ่อมคอมเพรสเซอร์ ส่วนต่อภายในของคอมเพรสเซอร์ มักจะต้องมีซีลกันรั่ว ซึ่งปะเก็นคอมเพรสเซอร์จะเป็นตัวทำหน้าที่กันรั่วนี้ ดังนั้นปะเก็นจึงต้องทำจากวัสดุที่ไม่เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับน้ำมันคอมเพรสเซอร์ หรือน้ำยาที่ใช้ในเครื่องทำความเย็น และจะต้องไม่ยืดหดตัวมากเมื่อมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องมีอัตราการขยายตัวใกล้เคียงกับชิ้นส่วนอุปกรณ์ของคอมเพรสเซอร์
ปะเก็นที่พบใช้มักทำจากไม้กอร์ก(Cork) ส่วนประกอบของกระดาษ แอสเบสตอส ยาง หรือ อะลูมินัม ปะเก็นกระดาษเป็นชนิดที่พบใช้กันมากที่สุด ปะเก็นอลูมินัมบางครั้งไม่สามารถใช้กับระบบเครื่องทำความเย็น ซึ่งใช้น้ำยา ซึ่งใช้น้ำยาที่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับอะลูมิเนียม ปะเก็นที่ใช้ระหว่างกระบอกสูบและวาล์วเพลตเป็นปะเก็นที่สำคัญมากที่สุด ซึ่งจะต้องใช้ปะเก็นที่มีขนาดความหนาเท่าเดิม ถ้าปะเก็นหนาเกินไปช่องว่างเหนือกระบอกสูบจะมากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพเชิงปริมาตรของกระบอกสูบลดลง และถ้าเก็นบางเกินไปก็อาจทำให้ลูกสูบกระแทกกับวาล์วเพลตได้
ดังนั้นในการเปลี่ยนปะเก็น ทางที่ดีแล้วควรเปลี่ยนปะเก็นที่มีขนาดความหนาเท่าเดิมและเป็นปะเก็นที่ผลิตจากบริษัทผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์นั้น และการเปลี่ยนประเก็นจะต้องแน่ใจว่าได้ปรับแต่งผิวหน้าทั้งสองของโลหะส่วนประกอบคอมเพรสเซอร์ให้เรียบสนิท ไม่มีรอยแตกชำรุดเหลืออยู่ มิฉะนั้นแล้วปะเก็นจะไม่สามารถทำหน้าที่ซีลกันรั่วได้
น้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ น้ำมันคอมเพรสเซอร์ใช้สำหรับหล่อลื่นส่วนที่เคลื่อนไหวต่างๆของคอมเพรสเซอร์ น้ำมันนี้จะถูกดูด อัด ปนกับน้ำยาเข้าไปในท่อทางเดินของน้ำยาของระบบบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำยาทำความเย็น น้ำมันที่ใช้ในการหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์นี้ต้องมีค่าความหนืด (Viscosity) ตามที่บริษัทผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์กำหนด ถ้ามีการเติมหรือถ่ายเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ ให้พึงระวังไว้ว่าการใช้น้ำมันผิดชนิดและการเติมน้ำมันมากหรือน้อยเกินไป นอกจากจะทำให้ลดประสิทธิภาพในการทำความเย็นแล้ว ยังอาจทำให้คอมเพรสเซอร์เกิดชำรุดเสียหายได้
มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ต้นกำลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์เพื่อให้เกิดการดูดและอัดน้ำยาในสถานะแก๊สดังได้กล่าวมาแล้วนั้น ส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อน จะมีอยู่บ้างที่ใช้เครื่องยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน เช่น เครื่องปรับอากาศรถยนต์ เครื่องปรับอากาศรถยนต์โดยสาร เป็นต้น คอมเพรสเซอร์ที่ใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อน บางทีเรียกรวมกันว่า มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ซึ่งจะแบบ่งตามลักษณะโครงสร้างภายนอก ได้เป็น 3 แบบ คือ
- มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบเฮอร์เมติก (Hermatic motor compressor) เป็นแบบที่มีมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์บรรจุภายในตัวเรือน ( Housing ) ที่เชื่อมปิดมิดชิด ตัวมอเตอร์จะประกอบด้วยสเตเตอร์และโรเตอร์ แกนขอโรเตอร์จะต่อเข้ากับเครื่องคอมเพรสเซอร์โดนตรง ในส่วนของคอมเพรสเซอร์อาจจะเป็นแบบลูกสูบหรือแบบโรตารีก็ได้ การซ่อมมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบนี้จะต้องผ่าเปิดตัวเรือนตรงแนวเดิมที่เชื่อมปิดไว้
- มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบกึ่งเฮอร์เมติก (Semi-Hermatic motor compressor) เป็นแบบที่เมื่อติดอยู่ในระบบมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์จะบรรจุอยู่ภายในตัวเรือนเดียวกัน เช่นเดียวกับแบบเฮอร์เมติก ต่างกันเพียงแต่ในการถอดซ่อมไม่ต้องผ่าเปิดตัวเรือน ถ้าเป็นการชำรุดทางส่วนของคอมเพรสเซอร์ก็สามารถคลายนอตเปิดฝาครอบหัวสูบออกซ่อมได้ และถ้าเป็นการชำรุดทางส่วนของมอเตอร์ก็สามารถคลายนอตเปิดฝาครอบท้ายเพื่อถอดเอามอเตอร์ออกมาซ่อมได้ การปิดก็เพียงแต่เปลี่ยนปะเก็นใหม่ และขันนอตกลับให้แน่นตามเดิม
- มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบแยกส่วน ( Open motor compressor ) เป็นแบบที่คอมเพรสเซอร์และมอเตอร์แยกออกจากกันโดยเด็ดขาด ในส่วนของคอมเพรสเซอร์จะมีแกนเพลายื่นออกมาการขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์ด้วยมอเตอร์จะใช้สายพานเป็นตัวฉุด การซ่อมมอเตอร์หรือคอมเพรสเซอร์สามารถแยกกันซ่อมโดยอิสระ ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดของคอมเพรสเซอร์แบบนี้ก็คือคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศรถยนต์